แชร์

เทรนด์แพ็คเกจจิ้งเครื่องสำอางสุดปัง 2025 ที่แบรนด์ไหนไม่ทำ = ตกขบวน

อัพเดทล่าสุด: 19 มิ.ย. 2025
29 ผู้เข้าชม

"เทรนด์แพ็คเกจจิ้งเครื่องสำอางสุดปัง 2025 ที่แบรนด์ไหนไม่ทำ = ตกขบวน"

ในปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้และความต้องการเฉพาะทางสูงขึ้น ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญด้านตัวผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคยุคใหม่ยังหันมาให้ความสำคัญด้านแพ็คเกจจิ้งมากยิ่งขึ้น ทำให้แพ็คเกจจิ้งมีอิทธิพลกับเทรนด์เครื่องสำอางในปี 2025 เป็นอย่างมาก และกลายเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ สร้างการจดจำ และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้ในเวลาไม่กี่วินาที ทำให้วิวัฒนาการของบรรจุภัณฑ์ที่ "สวยสะดุดตา" เพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ยังตอบโจทย์ความยั่งยืน เทคโนโลยี และความคาดหวังที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคยุคใหม่ด้วย วันนี้ เจ แพ็คเกจจิ้ง จะพามาส่องเทรนด์แพ็คเกจจิ้งเครื่องสำอางปี 2025 กัน เจ้าของแบรนด์หรือผู้ที่สนใจคนไหนไม่อยากตกขบวนตามมาดูกันเลย 

 

Design for Storytelling (เมื่อแพ็คเกจกลายเป็นภาษาของแบรนด์)

Design for Storytelling (เมื่อแพ็คเกจกลายเป็นภาษาของแบรนด์)

แพ็คเกจจิ้งในปี 2025 ต้องทำหน้าที่ "เล่าเรื่อง" ไม่ใช่แค่ "ห่อหุ้ม" อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ลวดลายเฉพาะตัว, สีที่สะท้อนอารมณ์ของแบรนด์ ไปจนถึงการจัดวางข้อความและรูปทรงที่ช่วยชูจุดขายของสินค้า โดยคำนึงถึง "brand identity" และ "emotional appeal" เช่น การใช้เทคนิค custom illustration และ limited edition collaboration กับศิลปินหรือ influencer เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและสร้างแรงจูงใจในการซื้อสะสม

Design for Storytelling (เมื่อแพ็คเกจกลายเป็นภาษาของแบรนด์)
Cute Press เป็นแบรนด์ไทยที่อยู่ในตลาดมากว่า 40 ปี จุดเริ่มต้นของแบรนด์คือผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิงวัยทำงาน แต่เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ที่นิยมซื้อเครื่องสำอางจากช่องทางออนไลน์และ 7-Eleven แบรนด์จึงต้องปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย กลยุทธ์ของแบรนด์หันมาใช้แพ็คเกจจิ้งในการสื่อสารแบรนด์ โดยเน้นดีไซน์ที่น่ารัก ดูสนุก มีความเป็นแฟนตาซี และเข้ากับเทรนด์วัฒนธรรมป๊อป โดยวางกลยุทธ์ดังนี้

  • เปิดตัวคอลเลกชันพิเศษร่วมกับแบรนด์ดัง เช่น Disney, Sanrio, Line Friends
  • ออกแบบแพ็คเกจจิ้งให้น่า "ถ่ายรูป แชร์ และสะสม" โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นหญิง
  • ใช้สีพาสเทล, ฟอนต์น่ารัก, และตัวการ์ตูนประกอบ เพื่อสร้าง "emotional connection" กับลูกค้า
ผลลัพธ์ที่ได้
  • ยอดขายสินค้าในกลุ่ม Collaboration Collection เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าภายในเดือนแรก
  • กลายเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่วัยรุ่นนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ ในช่องทางออนไลน์และ 7-Eleven
  • มีผู้ใช้งานบน TikTok และ Instagram สร้างคอนเทนต์ "Unboxing" และรีวิวสินค้าหลายแสนครั้ง
  • ทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์กลายเป็น "น่ารัก สนุก สดใส เข้าถึงง่าย" โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของสินค้า

ดังนั้นจากกรณีศึกษาแบรนด์ Cute Press จึงสรุปได้ว่า แพ็คเกจจิ้งไม่ใช่แค่เปลือกนอก แต่คือจุดเชื่อมต่อทางอารมณ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคที่สื่อโซเชียลมีบทบาทต่อการตัดสินใจซื้อ ทำให้การออกแบบแพ็คเกจจิ้งให้สวยอย่างเดียวไม่เพียงพอในยุคปัจจุบัน แต่แพ็คเกจจิ้งจะต้อง "เล่าเรื่อง" และ "ชวนแชร์" ให้กับผู้บริโภคได้

 

Functionality Meets Aesthetics (สวยแต่ต้องใช้ได้จริง)

Functionality Meets Aesthetics (สวยแต่ต้องใช้ได้จริง)

ผู้บริโภคยุคใหม่เน้นแพ็คเกจจิ้งที่ใช้งานง่าย แม้บรรจุภัณฑ์จะสวยดูโดดเด่นบนชั้นวาง แต่หากใช้งานไม่สะดวก พกพายาก หรือเปิด-ปิดลำบาก ก็อาจส่งผลทำให้ผลิตภัณฑ์ดูคุณภาพลดลงทันที แพ็คเกจจิ้งรุ่นใหม่จึงเน้นการใช้งานที่สะดวกสบาย เช่น หัวปั๊มระบบล็อกอัตโนมัติ, ฝาปิดแม่เหล็ก

ตัวอย่างแบรนด์ไทยที่ใช้เทคนิค Functionality Meets Aesthetics
SRICHAND (ศรีจันทร์) ได้ทำการรีแบรนด์เปลี่ยนภาพลักษณ์จาก "แบรนด์สำหรับผู้ใหญ่" ไปสู่ภาพลักษณ์ที่ร่วมสมัย เข้าถึงได้ และตอบโจทย์ผู้หญิงทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นวัยทำงาน แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์แบบไทย โดยวางกลยุทธ์ดังนี้

  • ออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้มีความสวยงาม ทันสมัย โดยไม่ลดทอนฟังก์ชันการใช้งาน
  • ใช้วัสดุที่ทนทาน พกพาง่าย เปิด-ปิดสะดวก เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ผลลัพธ์ที่ได้
  • กลายเป็นสินค้าขายดีในกลุ่มแป้งพัฟพรีเมียม
  • ลูกค้าซื้อซ้ำและพกติดกระเป๋าเพราะ "ใช้ง่าย ไม่พัง ไม่หก"
  • บรรจุภัณฑ์ได้รับรางวัลด้านการออกแบบในไทยหลายเวที
  • ทำให้ perception ของแบรนด์กลายเป็น "สวยแบบไทย ใช้งานได้จริง"

ดังนั้นจากกรณีศึกษาแบรนด์ SRICHAND จึงสรุปได้ว่า บรรจุภัณฑ์ที่ดีควร "ทำงานแทนแบรนด์" ได้ทั้งด้านอารมณ์ (สวย หรู มีเรื่องราว) และด้านการใช้งาน (พกพา สะดวก ทนทาน) เมื่อทั้งสองอย่างต้องไปด้วยกัน จะทำให้ "Brand Trust" ในระยะยาว

 

Sustainable Packaging 2.0 ยั่งยืนอย่างมีดีไซน์

Sustainable Packaging 2.0 – ยั่งยืนอย่างมีดีไซน์

การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมความงาม โดยเฉพาะยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น ทำให้มีการพัฒนาวัสดุใหม่ ๆ เช่น พลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้, แก้วรีไซเคิลแบบไม่ผ่านการเคลือบสี, กระดาษที่ผลิตจากเส้นใยพืชเหลือใช้

นอกจากนี้ยังมีการออกแบบ Refill System ที่ใช้งานง่ายและสวยงาม จนทำให้การใช้ซ้ำกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์

 

ตัวอย่างแบรนด์ไทยที่ใช้เทคนิค Sustainable Packaging 2.0
ORIENTAL PRINCESS มีการลดพลาสติก แต่ไม่ลดความสวยของบรรจุภัณฑ์ โดยวางกลยุทธ์ดังนี้

  • ใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) สำหรับผลิตภัณฑ์บางไลน์
  • เปลี่ยนกล่องกระดาษบรรจุภัณฑ์ให้เป็นกล่องรีไซเคิล 100%
  • เปิดแคมเปญ "Bring Your Bottle Back" ให้ลูกค้านำขวดเปล่ากลับมาแลกรับสิทธิ์พิเศษ
  • ใช้กราฟิกและดีไซน์สื่อสารเรื่อง "ธรรมชาติ + ความงาม + ความใส่ใจโลก" บนฉลากและแพ็กเกจ


Tech-Integrated Packaging - เมื่อบรรจุภัณฑ์กลายเป็นสื่ออัจฉริยะ

Tech-Integrated Packaging – เมื่อบรรจุภัณฑ์กลายเป็นสื่ออัจฉริยะ

ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น QR Code สำหรับดูวิธีใช้, AR ที่แสดงผลแบบ interactive, หรือแม้แต่ NFC chip ที่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันของแบรนด์เพื่อสะสมแต้มหรือตรวจสอบของแท้ นอกจากเพิ่มความสะดวกแล้ว ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และช่วยให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น


ตัวอย่างแบรนด์ไทยที่ใช้เทคนิค Tech-Integrated Packaging
Sasi by Srichand เป็นแบรนด์ลูกของ Srichand ที่เน้นจับกลุ่มวัยรุ่น วัยเริ่มใช้เครื่องสำอาง ซึ่งแบรนด์เข้าใจว่า ผู้บริโภคกลุ่มนี้ ไม่ได้สนใจแค่แพ็กเกจสวย แต่ต้องมี "อะไรให้เล่นต่อ" โดยวางกลยุทธ์ใช้หลักการ Smart Packaging ดังนี้

  • นำ QR Code บนกล่องผลิตภัณฑ์ไปเชื่อมกับคอนเทนต์บนโซเชียล
  • ออกแบบแพ็คเกจให้ผู้บริโภค "อยากถ่ายรูป" แล้วแชร์บนโซเชียลเพื่อสร้าง UGC (User-Generated Content)


Design for Social Media - สร้างปรากฏการณ์ไวรัลผ่านดีไซน์


ปัจจุบันแบรนด์จำนวนมากหันมาออกแบบแพ็คเกจจิ้งให้สวยจึ้งและสร้างความแตกต่างให้บรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิด "unboxing experience" หรือการที่ผู้บริโภคเห็นแพ็คเกจจิ้งที่สวย และสร้างคอนเทนต์เองบนโซเชียล ที่ทำให้แบรนด์ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา

อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสที่สินค้าจะถูกแชร์บนโซเชียลมีเดีย และสร้างความไวรัลแบบ organic ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ตัวอย่างแบรนด์ไทยที่ใช้เทคนิค Design for Social Media
Vistra (วิตซ่า) มีการวางกลยุทธ์ ดังนี้

  • ออกแบบให้คล้ายซองขนม ทำให้คน "อยากหยิบ อยากลอง"
  • มีรูปการ์ตูนสื่อถึงประโยชน์ เช่น ตาใส ผิวใส ฟันขาว แบบเข้าใจง่าย
  • ข้อความหลังซองมีมุกเล็กๆ เช่น "อย่ากินเกินนะ เดี๋ยวจะน่ารักเกินไป"

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy